วันเสาร์ที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2555

"อุทยานประวัติศาสตร์พนมรุ้ง" บุรีรัมย์


อุทยานประวัติศาสตร์พนมรุ้ง








อุทยานประวัติศาสตร์พนมรุ้ง, บุรีรัมย์


             ตั้งอยู่บนเขาพนมรุ้ง บ้านตาเป็ก ตำบลตาเป็ก จากตัวจังหวัดบุรีรัมย์ สามารถเดินทางไปพนมรุ้งได้ 2 เส้นทาง คือ
1. ใช้เส้นทางสายบุรีรัมย์-นางรอง (ทางหลวง 208) ระยะทาง 50 กม. เลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวงสาย 24 ไป 14 กม. ถึงบ้านตะโก เลี้ยวขวาผ่านบ้านตาเป็กไปพนมรุ้งเป็นระยะทางอีก 12 กม.
2. ใช้เส้นทางสายบุรีรัมย์-ประโคนชัย ทางหลวงหมายเลข 23 เป็นระยะทาง 44 กม. จากตัวอำเภอ ประโคนชัย มีทางแยกไปพนมรุ้ง ระยะทางอีก 21 กม. (เส้นทางนี้ผ่านทางแยกเข้าปราสาทเมืองต่ำ ด้วย) 

           พนมรุ้งเป็นเทวสถานในศาสนาฮินดู ลัทธิไศวนิกาย มีอายุการก่อสร้างและใช้เป็นเทวสถาน ต่อเนื่องกันมา หลายสมัย ตั้งแต่ประมาณพุทธศตวรรษที่ 15 ลงมาถึงพุทธศตวรรษที่ 17 จนถึงพุทธ ศตวรรษที่ 18 พระเจ้าชัยวรมันที่ 7 แห่งอาณาจักรขอมหันมานับถือศาสนาลัทธิมหายาน เทวสถานแห่งนี้ จึงคงจะได้รับการดัดแปลงเป็นพุทธศาสนาลัทธิมหายานในช่วงนั้น


ที่มา: http://www.thai-tour.com/thai-tour/northeast/buriram/data/place/hpk_phanomrung.htm


"เกาะสมุย" หวัดสุนราษฏร์ธา


เกาะสมุย 







      เกาะสมุย เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจอีกแห่งหนึ่งใจังหวัดสุราษฏร์ธานี ซึ่งเป็นเกาะทางภาคใต้ที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงมาตั้งแต่ในอดีตจนถึงปัจจุบันก็ยังคงมีปริมาณนักท่องเที่ยวจำนวนมากมายได้หลั่งไหลเข้ามาท่องเที่ยวที่เกาะแห่งนี้ ไม่ว่าจะเป็นนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติก็ให้ความสนใจและรู้จักเกาะสมุยกันเป็นอย่างดี เกาะสมุยเป็นสถานที่ที่ยังคงมีสภาพของธรรมชาติที่สวยงามเอาไว้บนตัวเกาะ ความงดงามของธรรมชาติเหล่านี้มีความโดดเด่นและช่วยในการดึงดูดให้นักท่องเที่ยวจากหลายๆประเทศทั่วทุกมุมโลกได้เข้ามาเที่ยวชมแวะเวียนและเที่ยวชมที่นี่อยู่เป็นประจำ นักท่องเที่ยวจำนวนมากที่เข้ามาเที่ยวในเกาะสมุยต่างก็อยากที่จะกลับมาท่องเที่ยวในที่แห่งนี้เพื่อสัมผัสความสวยงามของธรรมชาติที่งดงามบนตัวเกาะ เกาะสมุยยังเป็นเกาะที่มีทุกสิ่งทุกอย่างเพียบพร้อมไม่ว่าจะเป็นการบริการในด้านต่างๆเช่นด้านความบันเทิง ด้านอาหาร รวมไปถึงด้านสุขภาพการอวบนวดให้กับนักท่องเที่ยวและผู้ที่มีถิ่นฐานเดิม และบริการที่สำคัญที่ทำให้สถานที่แห่งนี้โด่งดังขึ้นเรื่อยๆคือการบริการด้านที่พักของผู้ประกอบการที่พักมากมายได้ใส่ใจในคุณภาพเป็นอย่างดีไม่ว่านักท่องเที่ยวจะหลั่งไหลเข้ามามากน้อยเพียงใด หรือแม้แต่จะมีนักท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้นในหลายเท่าตัว ทางสถานที่พักทุกๆแห่งยังคงสามารถที่จะรองรับนักท่องเที่ยวได้อย่างมหาศาลอีกด้วย




วันพฤหัสบดีที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2555

"เกาะแม่เกาะ" จังหวัดสุราษฎร์ธานี


    ทะเลในหรือทะเลสาบกลางภูเขา อยู่บนเกาะแม่เกาะเป็นปรากฏการทางธรณีวิทยา โดยเกิดจากแอ่งหินปูนที่ยุบตัวทะเลในมีลักษณะเป็นวงรี กว้าง 250 เมตร ยาว 350 เมตร ลึก 7 เมตรมีเนื้อที่ประมาณ 30 ไร่ มีทิวทัศน์สวยงามจากจุดชมวิวจะเห็นทัศนียภาพอันน่าตื่นตาตื่นใจ ของทะเลในสีเขียวมรกตรวมทั้งเห็นทิวทัศน์ที่สวยงามของทะเลเปิด ซึ่งโอบรอบด้วยโขดเขาและแมกไม้ปกคลุม












             ลักษณะการเกิดของทะเลในมีกำเนิดมาจากเขาหินปูนซึ่งสะสมตัว จากการตกตะกอนของสารละลายหินปูนหรือแคลเซียมคาร์บอเนต (CaCo3) ร่วมกับการทับถมของซากสัตว์ ที่อาศัยอยู่ในท้องทะเลตื้น เมื่อประมาณ 260 ล้านปีล่วงมาแล้ว หลังจากที่หินปูนทับถมจนกลายเป็นหินแข็งแล้ว มีการเปลี่ยนแปลงของเปลือกโลก ทำให้ชั้นหินปูนเหล่านี้ถูกยกตัวขึ้นกลายเป็นเขาสูง และเมื่อเขาหินปูนถูกน้ำฝน น้ำท่า และน้ำบาดาล ชะละลายเอาเนื้อหินออกไปเรื่อยๆ จะทำให้เกิดลักษณะธรณีสัณฐานแบบคาสต์ ซึ่งเต็มไปด้วยหลุมบ่อ ถ้ำ และทางน้ำใต้ดินขึ้น และเมื่อน้ำละลายเอาหินปูนที่อยู่ข้างใต้หลุมบ่อหรือถ้ำเหล่านั้นออกไปมาก จนหลุมหรือถ้ำมีขนาดใหญ่และผนังถ้ำบางลง ผนังถ้ำส่วนบนจึงได้พังทลายลง ทำให้พื้นดินตอนบนยุบลงกลายเป็นหลุมใหญ่ มีสภาพเป็นหลุมยุบที่ปากหลุมมีลักษณะค่อนข้างกลม และเชื่อว่าการละลายของหินปูนน่าจะเป็นไปอย่างกว้างขวาง หลุมยุบนี้จึงค่อยๆ ลึกลงเรื่อยมา จนทะลุติดต่อถึงทางน้ำข้างล่าง หลังจากนั้น เมื่อเกิดการเปลี่ยนแปลงของเปลือกโลกอีกครั้งหนึ่ง ทำให้เขาหินปูนเหล่านี้ จมลงใต้ทะเล เกิดเป็นหมู่เกาะที่น้ำทะเลไหลทะลักเข้าไปภายในโดยช่องทางน้ำใต้ดิน มาสะสมขังตัวอยู่ในหลุมยุบ ทำให้เกิดเป็นทะเลใน ซึ่งมีทิวทัศน์สวยงามตระการตา



ที่มา:http://www.siamfreestyle.com/travel-attraction/suratthani/ta-le-nai-mae-koh-island.html


"น้ำตกแสงจันทร์" อุบลราชธานี

"น้ำตกห้วยแม่ขมิ้น"อุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์



       ธารมรกตแห่งป่าตะวันตก อุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์
   “น้ำตกห้วยแม่ขมิ้น” เป็นน้ำตกหินปูนขนาดใหญ่ มีเอกลักษณ์ตรงที่สายน้ำที่ไหลผ่านลำห้วยแม่ขมิ้น แล้วลดหลั่นไปตามเชิงชั้นหินปูนเกิดเป็นน้ำตกที่สวยงาม 7 ชั้น คล้ายกับน้ำตกเอราวัณ อยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนคริทร์เพียง 100 เมตร เป็นน้ำตกที่สวยงามมากที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศไทย มีระยะทางรวม 2,270 เมตร มีแมกไม้น้อยใหญ่แซมสลับขึ้นตามแก่งหินและก้อนหินด้านข้าง สร้างความร่มรื่น สวยงาม สบายตา สมฐานะน้ำตกที่สวยที่สุดของไทย น้ำตกแต่ละชั้นมีชื่ออันไพเราะว่า ดงว่าน ม่านขมิ้น วังหน้าผา ฉัตรแก้ว ไหลจนหลง ดงผีเสื้อ และร่มเกล้า สามารถเดินเลาะริมน้ำขึ้นไปชมน้ำตกได้ทุกชั้น โดยน้ำตกชั้นฉัตรแก้วถือว่ามีความงดงามที่สุด




         เขื่อนศรีนครินทร์เป็นอุทยานแห่งชาติที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของภาคตะวันตกของ ไทย ครอบคลุมเนื้อที่กว้างขวางถึง 1,532 ตารางกิโลเมตร พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นป่าดงดิบทึบรอบอ่างเก็บน้ำเขื่อนศรีนครินทร์ โดยมีสายน้ำแควใหญ่หลากไหลตลอดปี และมีน้ำตกแม่ขมิ้นที่งดงามน่าประทับใจ นอกจากพื้นป่าที่ชอุ่มเขียวแล้ว ความยิ่งใหญ่ของอุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนคริทร์ยังเผยออกมาในรูปของน้ำตกที่ สวยงามหลายแห่ง เช่น น้ำตกห้วยขมิ้น น้ำตกผาตาด ที่มีชื่อเสียงและได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก นอกจากนี้อุทยานแห่งชาติได้จัดทำเส้น ทางศึกษาธรรมชาติของป่าเบญจพรรณและป่าเต็งรัง โดยจะผ่านจุดชมทิวทัศน์ของอ่างเก็บน้ำเขื่อนศรีนครินทร์ ผู้สนใจติดต่อเจ้าหน้าที่ที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว





ที่มา:http://www.siamfreestyle.com/travel-attraction/kanchanaburi/%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B3%E0%B8%95%E0%B8%81%E0%B8%AB%E0%B9%89%E0%B8%A7%E0%B8%A2%E0%B9%81%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B8%82%E0%B8%A1%E0%B8%B4%E0%B9%89%E0%B8%99.html

วันพฤหัสบดีที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2555

เกาะปันหยี หมู่บ้านกลางทะเล ณ อ่าวพังงา

นี้คือ เกาะปันหยี หมู่บ้านกลางทะเล ณ อ่าวพังงา



ย้อนหลังกลับไปนับร้อยปี บรรพบุรุษของคนปันหยี ซึ่งเป็นครอบครัวชาวชวา จำนวน 3 ครอบครัว อพยพมาจากอินโดนีเซียโดยเรือใบ 3 ลำ เพื่อค้นหาแหล่งทำกินที่ดีกว่าเดิม พวกเขาตกลงกันว่าหากใครพบที่ทำกินก่อน ให้สื่อสัญญาณด้วยการปักธงที่ยอดเขา และในที่สุดครอบครัว "โต๊ะบาบู" ก็พบเกาะหนึ่งก่อนใคร จึงขึ้นไปปักธงไว้ที่ยอดเขา และตั้งชื่อเกาะนั้นว่า "ปันหยี" ที่แปลว่า"ธง"






          พื้นที่ส่วนใหญ่ของ เกาะปันหยี ตั้งอยู่ในทะเลอ่าวพังงา และบริเวณป่าชายเลนอุทยานแห่งชาติอ่าวพังงา มีหมู่บ้านจำนวน 4 หมู่บ้าน คือ บ้านท่าด่าน ตั้งอยู่บริเวณน้ำตื้นในอ่าวพังงา, เกาะปันหยี ตั้งอยู่บริเวณน้ำตื้นในอ่าวพังงา, เกาะไม้ไผ่ ตั้งอยู่บนเกาะและป่าชายเลนอ่าวพังงา และเกาะหมากน้อย ตั้งอยู่บนเกาะในอ่าวพังงา ประชากรส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลาม และประมาณร้อยละ 2 นับถือศาสนาอื่น ๆ และส่วนใหญ่ประกอบอาชีพด้านประมง เป็นหลัก นอกจาก นี้ยังมีการประกอบอาชีพ เช่น ทำสวนยางพารา สวนมะพร้าว อาชีพรับราชการ การค้าขายและรับจ้าง  
          และด้วยพื้นที่เป็นแผ่นดินอยู่น้อยนิดนี้ ชาว เกาะปันหยี ใช้เป็นที่ตั้งของศูนย์กลางหมู่บ้านและศาสนา ส่วนบ้านเรือน ร้านค้า และโรงเรียนตั้งอยู่ในน้ำ เดิมทีมีทางเดินเชื่อมถึงกันด้วยสะพานไม้ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นสะพานปูนในปัจจุบัน เวลาน้ำขึ้น "หมู่บ้านปันหยี" จึงแลดูเหมือนหมู่บ้านลอยน้ำ แต่พอน้ำลงจะเห็นว่าบ้านนับร้อยหลังนั้น ตั้งอยู่บนเสาที่ปักในเลนมาตั้งแต่อดีต
 



          แปลกไหม? หากเด็ก ๆ บน เกาะปันหยี ไม่เคยเล่นดิน ไม่รู้จักไม้กวาด เพราะที่ เกาะปันหยีไม่มีฝุ่นไม่มีชายหาดและทรายที่สวยงาม แต่ที่ เกาะปันหยี มีแหล่งชมพระอาทิตย์ขึ้นและตกที่สวยงามไม่แพ้ที่ไหน ๆ อีกทั้งวัฒนธรรมประเพณีที่ดีงามของผู้คนในสังคม เกาะปันหยี ยังเป็นภูมิคุ้มกันให้ลูกหลานปลอดจากอบายมุข โดยบน เกาะปันหยี ไม่มีเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ ซึ่งไม่ควรที่จะมีใครนำเข้าไปด้วย และถึงแม้จะอยู่ไกลจากฝั่ง แต่ชาวปันหยีก็มีไฟฟ้าใช้เป็นของตัวเอง
 



            อย่างไรก็ตาม นอกจากไปสัมผัสกับวิถีชีวิตของ หมู่บ้านเกาะปันหยี บ้านกลางน้ำของชุมชนมุสลิม ที่ถูกสร้างอยู่กลางทะเลโดยไม่มีพื้นดินมานานกว่า 200 ปี เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่นักท่องเที่ยวจากทั่วโลก แวะมาเยี่ยมชมตลอดปีแล้ว ใกล้ ๆ กันยังมีสถานที่ท่องเที่ยวให้ได้ไปชมกัน เช่น ภูเขาเขียน ซึ่งมีภาพเขียนโบราณเป็นรูปคนและสัตว์ต่าง ๆ เช่น ลิง ปลาโลมา จระเข้ ฯลฯ อยู่ภายในถ้ำ เชื่อกันว่าเป็นภาพเขียนสมัยก่อนประวัติศาสตร์ ตั้งอยู่ก่อนถึงตัวเกาะปันหยีประมาณ 400 เมตร อยู่บริเวณภูเขา ชาวบ้านเลยเรียกกันว่า "เขาเขียน" และ ถ้ำทะลุ มีเป็นลักษณะคล้ายเกาะตั้งอยู่ในทะเล มีช่องว่างระหว่างกลางเรียกว่า ถ้ำทะลุ นักท่องเที่ยวสามารถพายเรือซีแคนนู ชมบริเวณโดยรอบได้





      ที่มา: http://travel.kapook.com/view24220.html 






ตลาดน้ำอโยธยาตลาดน้ำแห่งใหม่ในอยุธยา




          ตลาดน้ำหมู่บ้านปางช้างอโยธยา หรือที่เรียกสั้นๆว่า “ตลาดน้ำอโยธย” เป็นตลาดขายสินค้าล้อมรอบไปด้วยน้ำในรูปแบบของตลาดน้ำ ภายในตลาดน้ำอโยธยามีร้านค้าหลากหลาย อาทิ ร้านขายอาหารคาว หวาน อาหารทะเล เรือขายอาหาร ร้านขายสินค้า OTOP รวมทั้งร้านนวดเพื่อสุขภาพ เป็นต้น

         ตลาดน้ำอโยธยา ตั้งอยู่ไม่ห่างจากเจดีย์วัดสามปลื้ม(เจดีย์กลางถนน) จังหวัดพระนครศรีอยุธยา หากท่านขับรถมาจากถนนสายเอเชีย เมื่อถึงเจดีย์วัดสามปลื้มให้ขับรถวนรอบวงเวียนเพื่อเลี้ยวขวาไปตามทางอีกประมาณ 600 เมตรก็จะถึงทางเข้าอยู่ทางขวามือ โดยทางเข้าจะมีป้ายบอกว่า ตลาดน้ำหมู่บ้านปางช้างอโยธยา






           กำแพงอโยธยา สัญลักษณ์ของตลาดน้ำอโยธยา มาที่นี่ต้องถ่ายรูปคู่กับกำแพงนี้

ภายในตลาดน้ำอโยธยา จะประกอบด้วยร้านค้าหลากหลาย โดยทางตลาดทำการแบ่งเป็นโซน และแต่ละโซนก็ทำการตั้งชื่อตามอำเภอต่างๆของจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เช่น อำเภอเสนา อำเภอผักไห่ เป็นต้น





      สิ่งที่น่าสนใจในตลาดน้ำอโยธยา

การแสดงแสงสีเสียง ที่ตลาดน้ำอโยธยาจะมีการแสดงให้ชม โดยจะแบ่งเป็นรอบการแสดง วันจันทร์-ศุกร์ มี 3 รอบในเวลา 12:00 น. 17:00 น. และ 19:00 น. ส่วนในวันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ มีการแสดง 4 รอบ ในเวลา 11:00 น. 12:00 น. 17:00 น. และ 19:00 น.





ล่องเรือชมบรรยากาศรอบๆตลาดน้ำอโยธยา สำหรับท่านที่ต้องการชมบรรยากาศรอบๆตลาดน้ำ ก็จะมีเรือไว้บริการ โดยเรือจะล่องไปเรื่อยๆ รอบๆตลาดน้ำ ท่านสามารถชมทิวทัศน์ของตลาดน้ำได้ ในมุมที่ต่างออกไป
การล่องเรือจะใช้เวลาประมาณ 20 นาที ส่วนค่าตั๋ว สำหรับผู้ใหญ่ 20 บาท เด็ก 10 บาทเท่านั้นเอง



     



ที่มา:http://www.ayutthaya-tour.com/%E0%B8%95%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%94%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B3%E0%B8%AD%E0%B9%82%E0%B8%A2%E0%B8%98%E0%B8%A2%E0%B8%B2/

วันเสาร์ที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2555

น้ำตกนางรองสวยมาก

 



 






ที่มา:https://www.google.co.th

ภูชี้ฟ้า จ.เชียงราย

 


        ภูชี้ฟ้า     ตั้งอยู่บนเทือกเขาสูงทางตะวันออกของจังหวัดเชียงราย   อยู่ระหว่างรอยตะเข็บชายแดนไทย – ลาว   ลักษณะเป็นหน้าผาสูงเป็นแนวยาวเลาไปตามแนวชายแดน บริเวณปลายสุดของหน้าผามีลักษณะแหลมคล้ายกับนิ้วมือชี้ยื่นออกไปในอากาศ    เป็นที่มาของชื่อ “ ภูชี้ฟ้า “ จุดที่สูงสุดของภูชี้ฟ้าอยู่สูงจากระดับน้ำทะเลปานกลางถึง     ๑,๖๒๘ เมตร   เบื้องล่างของหน้าผาเป็นแอ่งหุบเขา เป็นที่ตั้งของหมู่บ้านเชียงตอง   แขวงไชยบุรี   ประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว




          ภูชี้ฟ้า   เป็นแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของจังหวัดเชียงราย   และเป็นจุดหมายปลายทางของนักเดินทางที่ชอบความสวยงามของธรรมชาติและยังพอเรี่ยวแรงที่ฝันอยากจะมาสัมผัสกับความงามของสถานที่แห่งนี้สักครั้งในชีวิต   ภูชี้ฟ้า   ถ้าพูดถึงความหนาวเย็นก็คงจะไม่แตกตางอะไรมากหนักกับหลาย ๆ ดอยสูงทางภาคเหนือของไทย   แต่สิ่งหนึ่งที่อยู่คู่กับยอดภูแห่งนี้มาตลอดและสร้างความประทับใจให้กับผู้ที่มาพบเห็น   ก็คือ   ความสวยงามแปลกตาของหน้าผาสูงที่ยื่นเด่นลอยออกไปในอากาศ   สายลมหนาวที่วูบผ่านมาแล้วเลยผ่านไป   ทิวทัศน์เบื้องล่างคือ ภาพทะเลหมอกและภาพของดวงอาทิตย์สีแดง ที่กำลังเบียดเสียดแทรกตัวออกมาท่ามกลางทะเลหมอกหนา และหุบเขาน้อยใหญ่   ภาพความสวยงามต่าง ๆ เหล่านี้   ได้กลายเป็นสิ่งที่ดึงดูดผู้คนมากมายให้หลั่งไหลมาที่นี่   ในแต่ละปีเมื่อลมหนาวมาเยือนจะมีนักท่องเที่ยวมากมายจากทั่วทุกสารทิศ   เดินทางมาสัมผัสกับอากาศหนาวและชมความงามของทะเลหมอกยามเช้าที่ภูชี้ฟ้า   อย่างไม่ขาดสาย   โดยเฉพาะช่วงวันหยุดยาว   บนยอดดอยสูงแห่งนี้แทบไม่มีที่ยืนถ่ายรูป   ทะเลหมอกและพระอาทิตย์ขึ้นยามเช้าที่ภูชี้ฟ้า   ได้รับการกล่าวขานว่าสวยงามกว่าที่ใด ๆ ในประเทศ   บริเวณทางเดินขึ้นสู่ยอดภูชี้ฟ้า   เป็นทุ่งหญ้ากว้าง   มีทุ่งดอกโคลงเคลงขึ้นแซมเป็นระยะ   ออกดอกสีชมพูอมม่วงในช่วงเดือนกรกฎาคม – มกราคม    ช่วงเพิ่มความสวยงามให้กับยอดภูแห่งนี้ได้อีกไม่ใช่น้อย   ระหว่างทางขึ้นมายังภูชี้ฟ้ายังต้องผ่านภูเขาที่มีวิวทิวทัศน์งดงาม หากมาในช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์จะได้ชมความงามของดงดอกเสี้ยวที่ออกดอกสีขาวอมชมพูบานสะพรั่งระหว่างทางขึ้นสู่ภูชี้ฟ้า




         การเดินทาง
ภูชี้ฟ้า อยู่ห่างจากเชียงราย ๑๑๑ กิโลเมตร ปัจจุบันการมาเที่ยวภูชี้ฟ้าสะดวกสบาย   สามารถเดินทางมาได้โดยรถยนต์ จนถึงลานจอดรถบนภู จากนั้น เดินเท้าขึ้นขึ้นสู่ยอดภูชี้ฟ้าเพียงแค่ ๗๐๐ เมตร ภูชี้ฟ้า 



ที่มา:http://www.tourdoi.com/doi/phucheefa/index.htm

เทียวเชียงคาน จ.เลย






เชียงคาน เป็นอำเภอหนึ่งในจังหวัดเลย ตั้งอยู่ริมแม่น้ำโขง เคยเป็นราชธานีหรือเมืองหลวงของประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว หรือราชอาณาจักรลาวมาก่อน เมืองเชียงคานเก่า หรือเมืองสานะคาม (ชนะสงคราม) ซึ่งเป็นเมืองที่มีความสำคัญในประวัติศาสตร์ทางยุทธศาสตร์สมัยราชอาณาจักรล้านช้าง ถูกก่อสร้างโดย ขุนคาม โอรสของขุนคัวแห่งอาณาจักรล้านช้าง เมื่อประมาณปีพ.ศ. 1400 ต่อมาประมาณปี พ.ศ. 2250 ทางเวียงจันทร์ได้ตั้งเมืองเชียงคานเดิม ซึ่งอยู่ฝั่งซ้ายของแม่น้ำโขงเป็นเมืองหน้าด่าน ต่อมา พ.ศ. 2320 พระเจ้ากรุงธนบุรี โปรดให้เจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกกับพระสุรสีห์ ยกทัพไปตีกรุงเวียงจันทร์ จึงได้อัญเชิญพระแก้วมรกต กลับมายังกรุงธนบุรี แล้วได้รวมอาณาจักรล้านช้างเข้าด้วยกันและให้เป็นประเทศราชของไทย แล้วได้กวาดต้อนผู้คนมาอยู่เมืองปากเหืองมากขึ้น แล้วโปรดเกล้าฯ ให้เมืองปากเหืองขึ้นกับเมืองพิชัย
ต่อมาสมัยรัชกาลที่ 3 โปรดเกล้าฯ ให้กองทัพไทยยกทัพไปปราบเจ้าอนุวงศ์ที่นครราชสีมา เนื่องจากเจ้าอนุวงศ์ เจ้าเมืองเวียงจันทร์คิดกอบกู้เอกราชเพื่อแยกเป็นอิสระจากไทย หลังจากปราบได้สำเร็จแล้ว ก็ไปกวาดต้อนผู้คนจากฝั่งซ้ายแม่น้ำโขงมาอยู่เมืองปากน้ำเหืองมากขึ้น แล้วโปรดเกล้าฯ ให้ไปขึ้นกับเมืองพิชัย
ครั้นถึงสมัย พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พวกจีนฮ่อได้ยกทัพมาตีเมืองเวียงจันทน์ เมืองหลวงพระบางและได้เข้าปล้นสดมภ์เมืองเชียงคานเดิมที่อยู่ฝั่งซ้ายของแม่น้ำโขง ชาวเชียงคานเดิมจึงอพยพผู้คนไปอยู่เมืองเชียงคานใหม่ (เมืองปากเหือง) เป็นจำนวนมาก ครั้นต่อมา เห็นว่าชัยภูมิเมืองเชียงคานใหม่ (เมืองปากเหือง) ไม่เหมาะสม ผู้คนส่วนใหญ่จึงอพยพไปอยู่ที่บ้านท่านาจันทร์ซึ่งใกล้กับที่ตั้งของอำเภอเชียงคานปัจจุบัน แล้วตั้งชื่อใหม่ว่า เมืองใหม่เชียงคาน ต่อมาไทยได้เสียดินแดนฝั่งขวาแม่น้ำโขงให้กับฝรั่งเศส ทำให้เมืองปากเหืองตกเป็นของฝรั่งเศส คนไทยที่อยู่เมืองปากเหืองจึงอพยพมาอยู่เมืองใหม่เชียงคาน หรืออำเภอเชียงคานปัจจุบันโดยสิ้นเชิง แล้วได้เปลี่ยนชื่อเมืองเป็นเมืองเชียงคานใหม่ได้ตั้งที่ทำการอยู่บริเวณวัดธาตุ เรียกว่าศาลาเมืองเชียงคาน ต่อมาได้ย้ายที่อยู่บริเวณวัดโพนชัย จนกระทั่งปี พ.ศ. 2452 เมืองเชียงคานซึ่งมีพระยาศรีอรรคฮาด (ทองดี ศรีประเสริฐ) ได้รับตำแหน่งนายอำเภอเชียงคานคนแรก ต่อมาปี พ.ศ. 2484 ได้ย้ายที่ว่าการอำเภอเชียงคานมาอยู่ ณ ที่อยู่ปัจจุบันตราบเท่าทุกวันนี้ 




"เชียงคาน เมืองโบราณ ที่ไม่ล้าสมัย"
         เมืองเชียงคาน ในปัจจุบันเป็นเมืองโบราณเก่าแก่ในสายตาของนักท่องเที่ยว เป็นชุมชนที่ยังคงความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวมาได้ยาวนานกว่า 100 ปี ซึ่งเพิ่งจะมีการจัดงานฉลอง "100 ปี เชียงคาน เมืองโบราณ ริมฝั่งโขง" ไปเมื่อวันที่ 4-6 ธันวาคม 2552 ที่ผ่านมานี้เอง เพื่อเป็นการอนุรักษ์ความเป็นเอกลักษณ์ให้คงอยู่สืบไป


วันพฤหัสบดีที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2555

ทะเลแหวก จังหวัดกระบี่

 
ทะเลแหวก เกาะปอดะ เกาะไก่ เป็นสถานที่ยอดนิยมของกระบี่อยู่ทางทิศใต้ของ อ่าวพระนาง ห่างจากชายฝั่งประมาณ 8 กิโลเมตรทำให้ได้รับอิทธิพลจากลมมรสุมไม่มากนักเมื่อมองจากชายฝั่งจะเห็นทรายขาวได้แต่ไกล บริเวณรอบๆเกาะจะมีแนวปะการังหลากหลายชนิด น้ำทะเลใสสะอาดทำให้บริเวณนี้เป็นแหล่งดำน้ำตื้นที่น่าสนใจที่สามารถแวะมาเที่ยวชมเกือบตลอดปี โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเกิดปรากฎการณ์ในช่วงน้ำลงบริเวณ เกาะทับเกาะหม้อ และ เกาะไก่ จะเชื่อมต่อกันโดยแนวทรายทำให้เกิดทัศนยภาพที่สวยงาม ดูแปลกตา เรียกว่า "ทะเลแหวก" ซึ่งขณะนี้เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่กำลังได้รับความนิยมจากทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ 

 
ทะเลแหวก ลึกล้ำเข้าไปกลางทะเลลึกแห่งอันดามัน ช่วงเวลาหนึ่งที่เรานั่งเรือชมเกาะรูปร่างสวยงามแปลกตา ใครจะเชื่อว่า อีกชั่วข้ามเวลาหนึ่งทะเลที่เราผ่านมาชั่วครู่ จะลดระดับน้ำดุจทะเลแหวกออก จนกลายเป็นหาดทรายขาวสะอาดเชื่อมเกาะสามเกาะอย่างอัศจรรย์ ทะเลแหวกเป็นกลุ่มของเกาะ 3 เกาะ ที่มีหาดทรายเชื่อมติดกันได้แก่ เกาะทับ เกาะหม้อ และ เกาะไก่ ท่านสามารถเดินข้ามจากเกาะไก่ไปยังเกาะทับได้ในยามน้ำลง หากจะให้ดีก็ควรจะเป็นในช่วงน้ำลงต่ำสุดในแต่ละวัน โดยเฉพาะในวันก่อนและหลังวันขึ้น 15 ค่ำ ราว 5 วัน ในอดีตนักท่องเที่ยวสามารถเช่าเรือ มาตกปลา มากางเต้นท์ นอนนับดาวในคืนเดือนแรม หรือชมแสงจันทร์ในคืนเดือนเพ็ญ ค้างคืนบนเกาะได้ แต่ปัจจุบัน ไม่อนุญาตให้นอนค้างแรมบนเกาะแล้ว ทะเลแหวกถือว่าเป็นไฮไลท์สำหรับแหล่งท่องเที่ยวทางทะเลของกระบี่เลยทีเดียว มาเที่ยวทะเลกระบี่ทั้งที ต้องมาเที่ยวทะเลแหวกให้ได้สักหนึ่งหน 



วันพฤหัสบดีที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

เทศกาลชมดอกดุสิตตาบนลานหิน อุทยานแห่งชาติภูผาเทิบ มุกดาหาร

เทศการชมดอกดุสิตตาบนลานหิน ณ อุทยานภูผาเทิบ จังหวัดมุกดาหาร จัดขึ้นเพื่อให้นักท่องเทียวได้ชมความงามที่เกิดจากธรรมชาติในช่วงหน้าหนาว และเป็นการอนุรักษ์ธรรมชาติอันสวยงามเป็นเหมือนมนต์เสน่ห์ของจังหวัดมุกดาหาร ภายในงานมีกิจกรรมมากมาย อาทิ การประกวดธิดาดุสิตตา แข่งขันวาดภาพราชินีดอกไม้ป่าภูผาเทิบ ประกวดถ่ายภาพมหัศจรรย์ Uneen Mukdahan


วันพฤหัสบดีที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

"เนเธอร์แลนด์ ดวอร์ฟ"กระต่ายพันธุ์ฮิต เลือกอย่างไรให้โดนใจ...แต่ไม่โดนหลอก!!

 วันนี้ขอนำเสนอข้อมูลดี ๆ ของเจ้าขนปุย "เนเธอร์แลนด์ ดวอร์ฟ"  สายพันธุ์ ที่กำลังฮิต มาบอกถึงลักษณะเด่น เพื่อใช้ประกอบการตัดสินใจในการเลือกซื้อ และเลือกเลี้ยงให้ โดนใจ แต่ไม่โดนหลอก


เนเธอร์แลนด์ ดวอร์ฟ


"เนเธอร์แลนด์ ดวอร์ฟ"

                 เนเธอร์แลนด์ ดวอฟ (Netherland Dwarf) เจ้าขนปุยหนึ่งเดียวที่ ได้ชื่อว่าเป็น อัญมณีแหงวงการกระตายสวยงาม (Gem of the Fancy Rabbits) ซึ่งได้มีการนำเข้า สายพันธุ์คุณภาพระดับประกวดจากสหรัฐอเมริกามาในประเทศไทยเมื่อประมาณปลายปี พ.ศ. 2546 โดยสีที่นำเข้ามา คือ สีขาว ตาฟ้า, สีดำสร้อยทอง (Black Otter) และสีดำสร้อยเงิน (Black Silver Marten) 

เนเธอร์แลนด์ ดวอร์ฟ
                 และในปีต่อมาได้มีการนำเข้าสีอื่น ๆ เข้ามาอย่างต่อเนื่อง อาทิ สีทองแดง (Siamese Sable) ,สีควันบุหรี่ (Siamese Smoke Pearl) , สีฮิมาลายัน (Himalayan) และสีที่หายากอย่างสีวิเชียรมาศ (Sable Point) หรือสีพื้นต่าง ๆ อาทิ สีดำ ,สีบลู ,สีช็อกโกแลต ทำให้ในตอนนี้ ในตลาดบ้านเรามีกระต่าย เนเธอร์แลนด์ ดวอฟ สีต่าง ๆ มากมายให้เลือกซื้อเลี้ยงกันตามความชื่นชอบ อีกทั้งกระต่ายพันธุ์นี้ยังเป็นที่ยอมรับ และมีชื่อเสียงมากในวงการนักพัฒนาสายพันธุ์กระต่ายสวยงาม จนได้ชื่อว่าเป็น อัญมณีแห่งวงการกระต่ายสวยงามนั่นเอง 

                 กระต่ายหูตั้งแสนซน พันธุ์ "เนเธอร์แลนด์ ดวอร์ฟ" (Netherland Dwarf) เรียกกันสั้น ๆ ว่า ND เป็นกระต่ายพันธุ์ฮิตอันดับต้น ๆ ของวงการ ด้วยความน่ารักแสนซน โดดเด่นที่ใบหูเล็ก ๆ ที่ตั้งคู่ขนาน ทั้งยังมีขนสั้น แต่นุ่มมือ แถมมันวาวน่าสัมผัส
                 ลักษณะที่ดีของกระต่ายพันธุ์นี้ก็คือ หูสั้นประมาณ 1 นิ้ว ตั้งขึ้นขนานกัน หรือหูยาวไม่เกิน 2 นิ้ว มีโครงสร้างสมส่วน โดยหัวและลำตัวควรมีสัดส่วน 1: 2 เมื่อกระต่ายนั่งจะมีลักษณะคล้ายลูกบอล 3 ลูก เรียงกัน และขนต้องสั้น หนาแน่น ไม่หยาบกระด้าง เมื่อลูบย้อนแนวเส้นขนจะคืนตัวได้เร็ว 

          นอกจากนี้ ND ยังมีสีที่หลากหลาย แบ่งออกเป็นกลุ่มสีต่าง ๆ อาทิ กลุ่มสีพื้น (ขนสีเดียวกันตลอดทั้งตัว) กลุ่มสีเฉด (มีความเข้มของสีขนในแต่ละตำแหน่งของตัวไม่เท่ากัน ที่ชัดเจนคือ จมูกและขาทั้งสี่) บางตัวมีแต้มสีน้ำตาลแดงเข้ม เหมือนสีของแมววิเชียรมาศ เรียกสี ไซมีส ซาเบิ้ล (Siamese Sable) แต่หากในขน 1 เส้น ของกระต่ายมีมากกว่า 1 สี ในขนเส้นเดียวกัน จะจัดเป็น กลุ่ม สีขนอะกูติ (Agouti) เช่น สีชินชิลล่า เป็นสีเทาแซมดำที่ปลายขนเหมือนสีตัวชินชิลล่า หรือสีกระรอก คือเป็นขนสีเทา แต่มีสีเทาเข้มที่ปลายขน หรือถ้ากระต่ายมีมาร์กกิ้งหรือสีต่าง ๆ พาดที่คอ ก็จัดเป็นกลุ่มมีสร้อย ซึ่งแบ่งได้อีกหลายประเภท 


            เรื่องนิสัยของเจ้าหูตั้ง แตกต่างกับพันธุ์หูตกอย่างสิ้นเชิง อาจเพราะรูปร่างที่เล็กคล่องตัวกว่า ND จึงได้รับการขนานนามว่าเป็นกระต่ายแสนซน ชอบวิ่ง ไม่ยอมหยุดเฉย หลายตัวขี้วีน ขี้หงุดหงิด ไม่ชอบให้ใครมาจับหรือวุ่นวาย ถ้าจนมุมก็จะข่วนแสดงอารมณ์ แต่ก็มีบางตัวเรียบร้อย บางตัวขี้อ้อน แต่โดยสัญชาตญาณของกระต่ายมักกลัวความสูง ผู้เลี้ยงจะต้องระวังให้มากในการอุ้ม ซึ่งการอุ้มที่ถูกวิธี ไม่ควรรวบหูกระต่ายแล้วหิ้วเป็นเด็ดขาด เนื่องจากเป็นประสาทส่วนสำคัญของกระต่าย ขณะที่การอุ้มอย่างถูกวิธีคือ การจับส่วนหนังบริเวณคอแล้วอุ้มก้นกระต่ายไว้ หรือจับนอนหงายอุ้มกระต่ายไว้ในอ้อมกอด กระต่ายจะนิ่งลง บางตัวแอบหลับไปเลยก็มี
          แม้จะรู้จักลักษณะและนิสัยของกระต่าย แต่ไม่ได้หมายว่าจะเริ่มเลี้ยงกันได้ง่าย ๆ เพราะต้องเข้าใจในเรื่องธรรมชาติของกระต่ายและการเลี้ยงที่เหมาะสมด้วย


อ้างอิงจาก:http://pet.kapook.com/view6595.html
                   http://pet.kapook.com/view14350.html


คุณสมบัติของน้ำผึ้ง

น้ำผึ้งในตำรับยาไทย

          เมื่อรู้ว่าน้ำผึ้งเป็นเภสัชทานแล้ว ฉันก็ยังอยากรู้ต่อไปว่า น้ำผึ้งยาไทยได้อย่างไรบ้าง หมอบุญยืน ผ่องแผ้ว แพทย์แผนไทยประจำคลินิกหนองบง จังหวัดลพบุรี ก็กรุณาเล่าให้ฟังดังนี้
น้ำผึ้งช่วยแต่งรสยา - น้ำผึ้งมีรสหวานฝาด ร้อนเล็กน้อย มีสรรพคุณช่วยบำรุงกำลัง บำรุงธาตุ แก้ปวดหลัง ปวดเอว ทำให้แห้ง ใช้ทำยาอายุวัฒนะ เราใช้น้ำผึ้งแต่งรสยาบางชนิด เช่น ยาแก้ไข้ที่มีรสขมมาก จนคนไข้กินไม่ได้ เราต้องใช้น้ำผึ้งผสมให้มีรสหวานนิดหนึ่ง รสยาก็จะอร่อยขึ้น และช่วยชูกำลัง ซึ่งน้ำผึ้งเข้าได้กับตำรับยาทุกชนิด
น้ำผึ้งหนึ่งในน้ำกระสายยา - น้ำกระสายยา คือ ส่วนผสมหนึ่งของตำรับยาไทย ที่ช่วยให้ตัวยาออกฤทธิ์ได้เร็วขึ้น ซึ่งมีหลายชนิด เช่น ได้จากพืช อาทิ น้ำมะนาว ได้จากธาตุ เช่น เปลือกหอยนำมาฝนกับน้ำ ได้จากสัตว์ เช่น งาช้าง รวมถึงน้ำผึ้งที่ถือเป็นน้ำกระสายยาตัวหนึ่งที่มีฤทธิ์แรงทำให้ตัวยาดูดซึมเร็วขึ้น ช่วยกระตุ้นการทำงานของไต และกระจายเลือด ซึ่งทำให้ผู้ป่วยมีกำลังมากขึ้น หรือบางครั้งนำน้ำผึ้งมาผสมกับยาปั้นเป็นลูกกลอน แต่ผู้ปรุงยาควรนำน้ำผึ้งไปเคี่ยวให้เดือดเพื่อฆ่าเชื้อโรค มิฉะนั้น ยาลูกกลอนจะขึ้นราภายหลัง  ว่ากันว่าน้ำผึ้งเดือน 5 เป็นน้ำผึ้งที่ดีที่สุด เนื่องด้วยอากาศที่แห้ง จึ้งทำให้น้ำผึ้งมีความเข้มข้นสูง



ที่มา:https://www.google.co.th/search?

สานสัมพันธ์ ไทย-ลาว

     หนังจบไปนานล่ะยังดูไม่เบื่อเท่าไรเลยกับความรักของหนุ่มสาว (เวีย - อเล็กซานดร้า) นามนักแสดง ที่แทบทุกคนยังจำกันได้ในบทบาทที่ได้รับ มอบทั้งความฮา ดราม่า แอคชั่นนิดๆ

ที่มา : http://www.google.co.th/imgres?hl=th&biw=1382&bih=708&tbm=isch&tbnid=IpxHMfrpi5QV0M:&imgrefurl=https://www.zest.co.th/content/view/id/3710/&docid=7BWGVIx6LQjKMM&imgurl=https://www.zest.co.th/asset/picpc/image/16042010_ezio_thumb.jpg&w=600&h=671&ei=cI7_T6a_C8ftrAfmgqSqBg&zoom=1&iact=hc&vpx=755&vpy=279&dur=874&hovh=237&hovw=212&tx=117&ty=135&sig=100104608875948635462&page=1&tbnh=149&tbnw=107&start=0&ndsp=17&ved=1t:429,r:14,s:0,i:115
 สาเหตุของอาการช่องปากอักเสบ

          ภาวะช่องปากอักเสบนั้นมีสาเหตุการเกิดอยู่หลายประการ ได้แก่ เชื้อไวรัส (ไวรัสกลุ่มหวัดแมว ไวรัสเอดส์แมว ไวรัสลิวคีเมีย) แบคทีเรีย (ส่วนใหญ่จะเป็นการติดเชื้อแทรกซ้อนจากภาวะอื่น ๆ มากกว่า) ภาวะโรคทางเมตาบอลิก (เช่น ภาวะไตวายเรื้อรัง ที่มีระดับยูเรียในกระแสเลือดสูง) การแพ้ เนื้องอก และการบาดเจ็บต่าง ๆ (อุบัติเหตุ หรือมีสิ่งแปลกปลอมทำให้เกิดบาดแผล)

          ในกลุ่มอาการที่เรียกว่าเป็นภาวะช่องปากอักเสบ คือ เหงือก เยื่อบุช่องปาก เพดาน ลิ้น หรือช่วงคอหอย ที่มีการอักเสบเกิดขึ้นแรกเริ่มอาจมีเพียงเหงือกอักเสบก่อน ซึ่งในรายที่เป็นรุนแรงมากเนื้อเยื่อต่าง ๆ จะแดง บวม มีการขยาย เกิดเป็นแผลหลุม หรืออาจพัฒนาเป็นเนื้องอก และทำให้เกิดเลือดออกในช่องปากตามมา บางรายอาจเป็นรุนแรงถึงขั้นติดเชื้อแบคทีเรียเข้าสู่กระแสเลือด
http://pet.kapook.com/view42706.html

เที่ยวอุบล...เลาะริมโขง

มาเชียงคานกัน

มาดูวิธีการใช้คอมพิวเตอร์กันค่ะ

วันพฤหัสบดีที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2555

สะพานข้ามแม่น้ำโขงแห่งที่2

 เป็นสะพานมิตราภาพไทย-ลาวแห่งที่2 สร้างขึ้นที่จังหวัดมุกดาหาร-สะหวันเขต สร้างเมื่อ 21มีนาคม2547เปิดใช้ 9มกราคม2550 มีความยาว 1600เมตรกว้าง 12เมตร นับได้ว่าเป็นสะพานที่สร้างความภาคภูมิใจแก่ชาวมุกดาหารเป็นอย่างมาก เพราะตั่งแต่มีการเปิดใช้สะพานแห่งนี้ทำให้ระบบเศรฐกิจของจังหวัดมีการเติบโตเป็นอย่างมาก การไปมาหาสู่กันกับเพื่อนบ้านก็สะดวกยิ่งขึ้น

อย่าบอกเขาว่าเราเคยคบกัน

ยินดีต้อนรับ

                            ยินดีต้อนรับเข้าสู่ Blogger ของ ศิริภัคร อนันต์ Blog นี้สร้างขึ้นเพื่อใช่ในการเรียนรายวิชา อินเตอร์เน็ตในชีวิตประจำวัน